วิธีตรวจสอบปุ๋ยเคมีว่าเป็นของแท้หรือของปลอม

ระวัง!ปุ๋ยปลอม(ดร.พรชัย สุธาทร)

จากการที่ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ปุ๋ยจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร แม้ว่าปุ๋ยมีราคาแพงขึ้นทุกวัน มีแนวโน้มว่าการใช้ปุ๋ยของเกษตรกรจะเพิ่มขึ้นทุกปี จึงได้มีผู้เห็นแก่ได้พวกหนึ่งทำการปลอมปนปุ๋ยขึ้น โดยใช้วัตถุต่าง ๆ ที่ราคาถูก แต่ไม่มีประโยชน์ต่อพืชแต่อย่างใด บางครั้งยังเป็นอันตรายต่อพืชมาผสมรวมกับปุ๋ย หรือบางครั้งไม่มีเนื้อปุ๋ยอยู่เลย บรรจุลงกระสอบแล้วจำหน่ายเป็นปุ๋ยแก่เกษตรกร ก่อให้เกิดความเดือดร้อนโดยทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตชนบทยากจนห่างไกลความเจริญและเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปไม่ถึง

เนื่องจากสาเหตุดังกล่าว ผู้เขียนจึงได้รวบรวมหลักเกณฑ์โดยกว้าง ๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐระดับท้องถิ่น หัวหน้ากลุ่มเกษตรกรหรือแม้แต่ตัวเกษตรกรเองสามารถใช้ตรวจสอบปุ๋ยก่อนซื้อว่าเป็นปุ๋ยจริงหรือไม่ หลักเกณฑ์ที่จะกล่าวต่อไปนี้แม้ว่าจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าปุ๋ยอันไหนปลอม อันไหนจริง แต่ก็สามารถใช้เป็นหลักในการซื้อปุ๋ยได้ ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถส่งตัวอย่างปุ๋ยไปตรวจสอบที่หน่วยงานของรัฐได้หรืออยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบ

หลักเกณฑ์นี้สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ขั้นตอน คือ

1. การติดต่อ ซื้อ-ขาย

2. กระสอบปุ๋ย

3. การทดสอบเนื้อปุ๋ย

การติดต่อซื้อขาย

เมื่อมีการติดต่อซื้อขายปุ๋ย ผู้ซื้อควรสังเกตสิ่งดังต่อไปนี้

1. อย่าซื้อปุ๋ยจากพ่อค้าเร่ แม้ว่าจะถูกแนะนำมาก็ตาม ควรซื้อจากบริษัทหรือร้านค้าที่เชื่อถือได้

2. เมื่อซื้อควรขอใบเสร็จไว้เป็นหลักฐานภายหลังหากพบว่าปุ๋ยปลอม จะได้ดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติปุ๋ย

3. อย่าซื้อปุ๋ยโดยพิจารณาจากเครื่องหมายการค้า แต่ควรพิจารณาจากสูตรปุ๋ยว่าเหมาะสมกับพืชที่ปลูกหรือไม่ และราคาเหมาะสมหรือไม่

ราคาอาจคำนวณได้จากราคาต่อหน่วย เช่น ปุ๋ยสูตร 10-10-10 ราคากระสอบละ 320 บาท ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยเท่ากับ 320/10+10+10 หรือ 320/30 =10.67 บาท เมื่อเทียบกับปุ๋ยสูตร 15-15-15 ซึ่งราคากระสอบละ 400 บาท ซึ่งราคาเฉลี่ยต่อหน่วยเท่ากับ 400/15+15+15 = 8.89 จะเห็นได้ว่าปุ๋ยสูตร 15-15-15 ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยถูกกว่า ซึ่งควรพิจารณาซื้อปุ๋ยสูตร 15-15-15

4. ราคาปุ๋ยที่ซื้อควรใกล้เคียงกับราคามาตรฐาน ไม่ควรต่ำกว่าราคามาตรฐานมากนัก

5. อย่าซื้อปุ๋ยที่มีชื่อหรือตราแปลก ๆ ใหม่ ๆ

6. ควรเรียกเอกสารคำแนะนำในการใช้ปุ๋ยจากผู้ขายทุกครั้ง เพื่อเป็นแนวทางสำหรับใชปุ๋ยนั้นให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าไม่มีเอกสารคำแนะนำดังกล่าวนี้อาจเป็นปุ๋ยปลอมก็ได้

กระสอบปุ๋ย

จากกระสอบปุ๋ย ผู้ซื้อควรพิจารณา

1. กระสอบปุ๋ยควรได้รับการขึ้นทะเบียนและมีสิ่งดังต่อไปนี้

1.1 ชื่อการค้าของปุ๋ยเคมี และมีคำว่าปุ๋ยเคมี

1.2 เครื่องหมายการค้าและตำบลที่ตั้งของบริษัท

1.3 ปริมาณธาตุอาหารที่ได้รับรองแล้วและถ้ามีธาตุอาหารรองก็ต้องบอกไว้ด้วย เช่น ไนโตรเจนทั้งหมด (N)= 15 % ฟอสเฟตที่เป็นประโยชน์ (P2O5) = 10% โปรแตชที่ละลายน้ำ (K2O = 15% สำหรับปุ๋ยสูตร 15-15-15

1.4 สูตรปุ๋ยที่แน่นอน เช่น 15-15-15, 15-20-0

1.5 น้ำหนักสุทธิตามระบบเมตริก(กิโลกรัม) ถ้าบรรจุมากกว่า 25 กิโลกรัม ต้องเป็น 50 กิโลกรัมเท่านั้น

1.6 หมายเลขทะเบียนข้างกระสอบ(ยกเว้นปุ๋ยเคมี มาตรฐาน เช่น ปุ๋ยยูเรีย แอมโมเนียมซัลเฟต ซูเปอร์ฟอสเฟต ดับเบิ้ลซูเปอร์ ฟอสเฟต ทริบเปิลซูเปอร์ฟอสเฟต โปแตชเซี่ยมคลอไรด์ โปแตชเซี่ยมซัลเฟต)

2. อย่าซื้อปุ๋ยที่กระสอบไม่มีสิ่งดังกล่าวในข้อ 1

3. อย่างซื้อปุ๋ยที่กระสอบเก่าเกินไป หรือบรรจุกระสอบไม่เรียบร้อย เช่น มีรอยตัดหรือเย็บปากถุงใหม่ เพราะปุ๋ยอาจเสื่อมคุณภาพหรือผู้ขายอาจซื้อกระสอบมาเพื่อใส่ปุ๋ยปลอมในกระสอบนั้นเพื่อจำหน่าย

4. ในกรณีที่เป็นปุ๋ยน้ำ ซึ่งบรรจุอยู่ในขวด (แก้วหรือพลาสติก) หรือภาชนะอื่น ๆ ก็ได้ หลักเกณฑ์เดียวกันกับการตรวจสอบกระสอบปุ๋ย เช่นจะต้องมีคำว่า “ปุ๋ยเคมี” ปริมาณปุ๋ยบอกเป็นลูกบาศก์เซนติเมตร(ซม3) และไม่มีคำอวดอ้างหรือโฆษณาชวนเชื่อต่าง ๆ

การทดสอบเนื้อปุ๋ย

1. ปุ๋ยเคมีแท้ จะมีเม็ดแข็งบีบไม่แตกง่าย และขนาดสม่ำเสมอกันต่างกับปุ๋ยปลอมซึ่งส่วนมากจะบีบแตกง่าย และขนาดเม็ดปุ๋ยไม่แน่นอนใหญ่บ้างเล็กบ้างปนกันไปในกระสอบเดียวกัน

2. ปุ๋ยเคมีแท้ เมื่อถูกน้ำจะไม่อ่อนตัวทันทีเหมือนปุ๋ยปลอม ซึ่งประกอบด้วยหิน ดินหรือปูน

3. ปุ๋ยไนโตรเจน ซึ่งใช้เป็นปุ๋ยข้าวอาจทดสอบได้ง่าย ๆ โดยนำปุ๋ยใส่ลงในแก้วน้ำประมาณ 10-20 เม็ด แล้วหยดน้ำปูนใส (ปูนกินกับหมาก) หรือน้ำโซดาไฟ (โซเดียมไฮดรอกไซด์) หรือน้ำขี้เถ้า ลงไปจนท่วมเม็ดปุ๋ย ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ปิดไว้ 2-3 นาที แล้วเปิดออกมาดมดู ถ้าได้กลิ่นแอมโมเนีย (หรือกลิ่นเยี่ยวอูฐ) ก็เป็นปุ๋ยเคมีแท้ ถ้าไม่ได้กลิ่นอะไรเลยก็เป็นปุ๋ยปลอม

จากหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น ทำให้ผู้ซื้อสามารถตรวจสอบเบื้องต้นในการซื้อปุ๋ยเคมีเพื่อป้องกันการซื้อปุ๋ยปลอม อย่างไรก็ตามถ้าเป็นไปได้การซื้อปุ๋ยในคราวต่อไปควรได้ส่งตัวอย่างไปให้หน่วยงานของรัฐบาลในการทดสอบ โดยติดต่อผ่านเจ้าหน้าทีของรัฐ เช่น เจ้าหน้าที่ของศูนย์พัฒนาที่ดินต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ ในการนำตัวอย่างเข้ามาตรวจสอบ ก่อนที่จะซื้อปุ๋ยครั้งต่อไปหรือติดต่อเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในด้านการเกษตร เพื่อความสะดวกในการซื้อปุ๋ยเคมี ควรซื้อรวมกันครั้งละมาก ๆ โดยให้หัวหน้ากลุ่มต่าง ๆ เป็นผู้ดำเนินการซื้อ แล้วส่งตัวอย่างปุ๋ยมาทดสอบเพื่อเป็นการทุ่นเวลาและค่าใช้จ่าย

ปัญหาเรื่องปุ๋ยปลอมนี้เป็นปัญหาใหญ่เรื้อรังมานานปี และนับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อการเกษตรของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อพี่น้องเกษตรกร ผู้ซึ่งอยู่ในสภาพยากจนอยู่แล้ว แทนที่จะนำเงินไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น กลับมาต้องซื้อปุ๋ยปลอมซึ่งไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย อาจเปรียบได้เหมือนคนไข้หนัก แล้วซื้อยาปลอมมากิน

จึงควรที่รัฐบาลต้องหามาตรการเร่งด่วนในการกำจัดปัญหานี้ให้หมดสิ้นไปโดยเร็วที่สุด เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของการเกษตรของประเทศต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น